
โรคข้อเข่าเสื่อม
โดย ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์
คือภาวะที่มีการสึกกร่อนของผิวข้อเข่าทำให้การเคลื่อนไหวของข้อเข่าไม่เรียบ มีการเสียดสีของกระดูก เป็นกระบวนการเสื่อมตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
อาการของข้อเข่าเสื่อมมีอะไรบ้าง?
- ปวดเมื่อมีการเคลื่อนไหวของข้อเข่า บางครั้งอาจจะมีอาการปวดและรู้สึกตึงบริเวณข้อพับด้านหลังของเข่า
- อาการบวมบริเวณข้อเข่า เนื่องจากมีน้ำในข้อเข่าซึ่งเกิดจากการอักเสบภายในข้อ
- ข้อยึดติด และไม่สามารถเหยียดงอเข่าได้เหมือนปกติ
- มีอาการเสียวภายในข้อเวลาเดิน บางครั้งมีอาการอ่อนแรง ต้นขาลีบ
- ขาโก่งผิดรูป
ปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้างที่ทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อม?
มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งได้แก่
- พันธุกรรม โดยมีหลักฐานปรากฏบางอย่างที่เชื่อว่ามีความผิดปกติทางพันธุกรรม ในการทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม
- น้ำหนัก น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เข่าต้องรับน้ำหนักมากขึ้นกว่าปกติ
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้นความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองของผิวข้อกระดูกอ่อนก็ลดน้อยลง ทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ง่ายขึ้น
- เพศ ผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี มีโอกาสเกิดข้อเข่าเสื่อมมากกว่าผู้ชาย
- เคยได้รับอุบัติเหตุที่บริเวณข้อเข่ามาก่อน รวมถึงได้รับอันตรายจากการเล่นกีฬา เช่น หมอนรองกระดูกเข่าฉีกขาด
- เล่นกีฬาที่มีแรงกระทบต่อเข่ามากๆ เช่น ฟุตบอล, นักวิ่งมาราธอน, เทนนิส
รู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นข้อเข่าเสื่อมหรือไม่ ?
แพทย์สามารถให้การวินิจฉัยภาวะโรคของข้อเข่าเสื่อม
- อาการของผู้ป่วยที่มีอาการปวด ร่วมกับการตรวจร่างกายที่พบความผิดปกติของข้อเช่น ขาโก่งผิดรูป
- ภาพถ่ายเอกซเรย์ ที่พบมีการแคบลงของข้อเข่าซึ่งเกิดจากการสึกกร่อนของผิวข้อ, มีกระดูกงอกรอบๆข้อ
เมื่อเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้วจะมีวิธีการรักษาอย่างไร?
อย่างแรกสุดต้องรักษอาการปวด อาการปวดจากโรคข้อเข่าเสื่อมเกิดได้จากหลายสาเหตุขึ้นอยู่กับระยะของโรค ดังนั้นการรักษาต้องปรับตามแต่ละบุคคล การรักษาส่วนใหญ่คือ
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ป่วย เช่น หลีกเลี่ยงการนั่งพับเพียบ, นั่งท่าขัดสมาธิ, การลดน้ำหนัก, หลีกเลี่ยงการยกของหนัก, หรือการใส่เครื่องช่วยพยุงเข่า
- การใช้ยา ซึ่งมีการใช้ยา 2 กลุ่มคือ
– ยาลดปวด และลดการอักเสบภายในข้อเข่า
– ยากลูโคซามีน ซึ่งมีฤทธิ์ เสริมสร้างกระดูกอ่อน, ช่วยการหล่อลื่นของข้อ ทำให้ยับยั้งหรือลดกระบวนการทำลายของข้อ - การบริหารเข่า (ดูรายละเอียดในส่วนกายภาพบำบัดของโรคข้อเข่าเสื่อม)
- การฉีดยาเข้าข้อเข่า
– สารน้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่า ทำให้ลดอาการปวดเข่าลงได้ และสามารถเคลื่อนไหวข้อเข่าได้ดีขึ้น
– ยาสเตียรอยด์ มักฉีดเข้าไปยังบริเวณข้อเข่าที่มีอาการปวดมากๆ ซึ่งมักเป็นระยะสุดท้ายของโรคข้อเข่าเสื่อม ยานี้มักจะลดอาการปวดได้นานประมาณ 3 เดือน อย่างไรก็ตามยาสเตียรอยด์มีผลทำเสียต่อกระดูกอ่อนของผิวข้อโดยตรงเช่นกันดังนั้นจึงไม่ควรฉีดยาเข้าข้อบ่อยครั้ง - การผ่าตัด ซึ่งมีทั้งการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องล้างข้อเข่า, การผ่าตัดเปลี่ยนข้อ